500 Euro

ธนาคารกลางของยุโรปประกาศว่าจะทำการหยุดการผลิตธนบัตรฉบับละ 500 ยูโร ซึ่งเชื่อกันว่ากลายเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ฟอกเงิน ผู้ที่ค้ายาเสพติดและยังรวมไปถึงผู้ก่อการร้ายด้วย ในที่สุดแล้วทำให้ธนาคารกลางของยุโรปจำเป็นต้องหาทางแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นเพื่อลดความสะดวกของกลุ่มคนที่ต้องการนำเงินไปทำสิ่งที่ผิดกฎหมายเพราะธนบัตร 500 ยูโรนั้นทำให้เกิดปัญหาการลักลอบขนถ่ายเงินได้ง่ายกว่าระบบการโอนเงินตามปกติที่สามารถตรวจสอบความผิดปกติได้ แต่ทั้งนี้ธนบัตร 500 ยูโรที่หมุนเวียนอยู่ในระบบเศรษฐกิจจะยังคงสามารถใช้งานได้ต่อไป และจะสามารถแลกเป็นธนบัตรขนาดที่มีมูลค่าลดลงได้ โดยมีการกำหนดให้มีการหมดอายุในปี 2018 ซึ่งคนที่ยังคงถือธนบัตรชนิดนี้สามารถนำเงินมาทำการแลกเปลี่ยนได้ที่ธนาคารกลางแห่งชาติของสหภาพยุโรปเมื่อใดก็ได้หลังจากวันดังกล่าว

ธนบัตรที่มีจำนวนเงินขนาดใหญ่ดังกล่าวโดยปกติแล้วไม่ได้รับความนิยมในหลายๆประเทศในสหภาพยุโรป ส่วนในสหรัฐอเมริกาธนบัตรที่ใหญ่ที่สุดคือจำนวนเงิน 100 ดอลลาร์ เพราะหลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง ธนาคารกลาของสหรัฐอเมริกาได้หยุดการผลิตธนบัรเงินที่มีค่าเงิน 500 และ 1,000 เหรียญ ซึ่งเป็นเวลาเกือบร้อยปีมาแล้ว การตัดสินใจในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน ที่เห็นด้วยที่มีการตัดสินใจระงับการผลิตแบงค์ 500 ยูโร ในกรณีนี้เพราะเชื่อว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง โดยเจ้าหน้าที่ธนาคารหลักของสหภาพยุโรปมองว่าธนบัตรที่มีมูลค่าเงินขนาดเล็กนั้นเป็นสิ่งที่ดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมมากกว่า

ซึ่งธนบัตร 500 ยูโร นั้นมักจะไม่ได้ถูกนำมาใช้กันมากในชีวิตประจำวัน เพราะหลายคนกลัวว่าการนำเงินไปซื้อสินค้าในร้านค้าบางแห่งอาจไม่ยอมรับแบงค์ที่มีมูลค่าสูงเช่นนี้ ธนบัตรยูโรละ 500 มีมูลค่า 30% ของมูลค่าทั้งหมดของธนบัตรที่มีทั้งหมดในสกุลนี้ แต่มีเพียง 3% เท่านั้น ที่มีการนำออกมาใช้ในการหมุนเวียนในเศรษฐกิจของยุโรป

ซึ่งจริงๆแล้วการอภิปรายเรื่องนี้ ได้เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการโจมตีของผู้ก่อการร้ายในกรุงปารีสและกรุงบรัสเซลส์ ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเรียกร้องให้มีการห้ามใช้เงินที่มีมูลค่าสูงชนิดนี้ เนื่องจากผู้ก่อการร้ายอาจใช้เงินเพื่อสนับสนุนการทำภารกิจที่เป็นอันตรายกับหลายๆชาติ โดยแหล่งข่าวเชื่อว่ามีการลักลอบและโอนเงินจำนวนมากโดยใช้เงินสดซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุด เพราะตรวจสอบได้ยาก ทำให้หลายประเทศเกิดความกังวลในเรื่องนี้อย่างมาก และยังรวมถึงการนำไปใช้สำหรับการฟอกเงินของกลุ่มค้ายาเสพติดด้วย

ย้อนไปเมื่อช่วง ธนาคารกลางยุโรป ระงับการพิมพ์ 500 ยูโร