สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อไทยไม่ต่างกัน

โลกเคยมองจีนเป็นพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก แต่ทุกวันนี้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของจีนชะลอตัวส่งสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ปัญหาภาคการผลิตตกต่ำกระจายไปทั่วเอเชีย การผลิตหดตัวทั้งในประเทศจีน, ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ไต้หวัน อีกทั้งปัญหาความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯ และจีนยิ่งบานปลายมากขึ้น นานหลายปีทีเดียวที่อเมริกากังวลการสยายปีกทางการค้าและอำนาจของจีน แต่สิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าในเวลานี้คือกลัวว่าจีนจะหมดพลังไม่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจของโลกได้อีกต่อไป

ความวิตกกังวลของ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

ปริมาณการผลิตของโรงงานทั่วเอเชีย รวมทั้งไทย หดตัวลงมากในเดือนกรกฎาคมที่ผ่าน สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐน่าเป็นห่วง ผลกระทบจากการชะลอตัวของจีนที่หดตัวเป็นเดือนที่สองติดต่อกันอาจฉุดเศรษฐกิจโลกหันไปสู่ภาวะถดถอย ปัญหาตกงานก็จะเพิ่มขึ้นด้วย มองที่เอเชียเหนือจะเห็นว่าการส่งออกของญี่ปุ่น, เกาหลีใต้และไต้หวันได้รับผลกระทบมาระยะหนึ่งแล้ว พิษการค้าฟาดหางมาถึงประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอินโดนีเซียที่การส่งออกและการผลิตลดลงมาก การผลิตในยุโรปหดตัวลงเช่นกัน

ธนาคารกลางสหรัฐยอมรับว่าการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีนช่วยให้เศรษฐกิจโลกหลุดพ้นจากวิกฤติการเงินครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ทางธนาคารกลางสหรัฐเพิ่งประกาศปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งเพื่อป้องกันภาวะตกต่ำครั้งต่อไป ขณะเดียวกันธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นและธนาคารกลางยุโรปกำลังรอดูท่าทีอยู่เหมือนกัน ถ้าความตึงเครียดทางการค้ายังคงคุกร่นก็เป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้ง

นักวิเคราะห์กล่าวว่าประเทศจีนเป็นศูนย์กลางของแรงดึงดูดทางเศรษฐกิจของเอเชีย แต่การผลิตในโรงงานกำลังชะลอตัวและแนวโน้มยังคงน่ากังวลเป็นผลจากความขัดแย้งทางการค้ากับสหรัฐ ภาคการผลิตของจีนลดการจ้างงานถึง 5 ล้านคนในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา เกือบครึ่งเป็นผลมาจากสงครามการค้านั่นเอง การเจรจาการค้ารอบสั้นในเซี่ยงไฮ้มีสัญญาณความคืบหน้าเล็กน้อย สหรัฐและจีนตกลงกันว่าจะเปิดฉากคุยกันใหม่ในเดือนกันยายน เส้นทางการเจรจาในอนาคตมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกแน่นอน

กองทุนการเงินระหว่างประเทศเตือนว่าข้อพิพาททางการค้าส่งผลให้ผลผลิตทั่วโลกลดลง 0.2% นักเศรษฐศาสตร์หลายคนกล่าวว่าถ้าสงครามการค้าบานปลายอาจเกิดภาวะถดถอยทั่วโลก ประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยคาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยในปี 2562 จะลดลง 0.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกในรอบ 4 ปี นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยจะลดลงมากถึง 3.1% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งสอดคล้องกับศูนย์ข่าวกรองเศรษฐกิจ SCB ที่คาดการณ์ว่าการส่งออกของประเทศจะลดลงในปีนี้ระหว่าง 1.6-3.1% ในยามที่การส่งออกเริ่มติดลบสร้างผลกระทบเป็นวงกว้างให้แก่อุตสาหกรรมการผลิตและส่งออก ยิ่งต้องจับตาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีนให้ดี โดยเฉพาะแนวโน้มการผลิตที่ลดลงจะดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี หรือจนกว่าการเจรจาการค้าของสองยักษ์ทางเศรษฐกิจโลกจะมีนโยบายที่ชัดเจน

ความวิตกกังวลของ สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ

สงครามการค้าฉุดเศรษฐกิจโลก และกระทบต่อไทยไม่ต่างกัน