โควิด-19 ตัวการร้ายทำลายเศรษฐกิจโลกจริงไหม

ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ 2021 อย่างเต็มตัวแล้ว เชื่อว่าหลายคนรู้สึกว่า 2020 เป็นปีที่หนักหนามาก จากผลกระทบวิกฤติหลายอย่างตั้งแต่ต้นปี ไม่ว่าจะเป็นฝุ่น PM2.5 แม้กระทั่งโควิด-19 ที่หลายคนคิดว่าผ่านไปแล้ว แต่ในความเป็นจริงนั้น มันไม่ได้จบไปอย่างที่หลายคนคิด เพราะเมื่อต้นปีเป็นเพียงวิกฤติระลอกแรกเท่านั้น และตอนนี้ประเทศไทยเรากำลังอยู่ในภาวะวิกฤติโควิด-19 ระลอก 2 และยังไม่มีใครรู้ได้ว่า วิกฤตินี้จะจบลงเมื่อไหร่ ทุกคนต่างภาวนาให้วิกฤติโควิดนี้ผ่านไปให้เร็วที่สุด

โควิด-19 ทำลายเศรษฐกิจโลกจริงไหม?
โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกอย่างต่อเนื่อง เหล่าประเทศที่เคยสามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ในช่วงแรก ณ เวลานี้กลับมีการระบาดของโรคกลับมาเป็นระลอกที่ 2 ในขณะที่บางประเทศยังไม่จบระลอกแรก อย่างประเทศสหรัฐอเมริกายังคงเป็นอันดับหนึ่งของโลก กับจำนวนสถิติผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 19 ล้านกว่าคน และจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากถึงวันละ 160,000 กว่าคน และจำนวนผู้เสียชีวิตยอดรวมสะสม 330,000 กว่าคน รองมาคือประเทศอินเดีย บราซิล รัสเซีย และฝรั่งเศส รวมจำนวนผู้ติดเชื้อยอดสะสมทั่วโลกอยู่ที่ 80 กว่าล้านคน และเสียชีวิตยอดรวมสะสมอยู่ที่ 1.7 กว่าล้านคน (ข้อมูลอัปเดตวันที่ 27 ธ.ค. 63) จากตัวเลขที่กล่าวมาข้างต้น ทำให้เราเห็นว่า โควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบสูง จากที่ทุกอย่างกำลังดำเนินไปได้ด้วยดี ก็ต้องหยุดชะงักแบบเฉียบพลันเลยก็ว่าได้

โควิด-19 ทำลายเศรษฐกิจโลกอย่างไร

ทั่วโลกหยุดการเดินทางเพื่อหยุดการแพร่ระบาด
ทำให้การเดินทางระหว่างประเทศต้องหยุดชะงัก มีการกักตัวไม่ให้มีการเดินทางเข้า-ออก นอกประเทศ ทุกสายการบินงดไฟลท์บิน เครื่องบินทุกสายการบินจอดอยู่เต็มลานจอด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดจากคนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งแบบข้ามประเทศ

เศรษฐกิจระดับประเทศหยุดชะงักเพราะการล็อกดาวน์
ก่อนหน้าที่จะค้นพบวัคซีน หลายประเทศใช้ยาแรง คือการประกาศล็อกดาวน์ประเทศ แม้ว่าจะทำให้สามารถสกัดกั้นการแพร่ระบาดได้ผลเป็นที่น่าพอใจ แต่เศรษฐกิจภายในประเทศกลับเสียหายหนัก ธุรกิจการท่องเที่ยว ธุรกิจร้านอาหาร โรงแรมเจ็บหนัก รัฐอุ้มทุกภาคส่วนไม่ไหว ทำให้หลายบริษัทปิดตัวลงเพราะขาดรายได้มาจุนเจือ แรงงานตกงานกันทั่วหน้า นักท่องเที่ยวไม่เดินทาง รายได้เข้าประเทศไม่มี ประเทศไหนที่มีรายได้จากการท่องเที่ยวเป็นหลัก ปีนี้นับว่าเป็นปีที่อ่วมกันถ้วนหน้า

ไม่มีกำหนดเวลาวันสิ้นสุดวิกฤต
ต่อให้สามารถผลิตวัคซีนรักษาโรคระบาดนี้ได้ แต่ก็ยังไม่มีใครที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าวิกฤตินี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่ ประเทศที่เคยเป็นชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจตอนนี้ได้เปลี่ยนไป ณ เวลานี้ไม่ใช่คนที่มีน้ำมันมากหรือมีการค้าขายระหว่างประเทศสูง หรือมีขีปนาวุธที่ทรงอานุภาพในการทำลายล้างอีกต่อไป สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องมือสำคัญในการกุมโลกไว้ในมืออีกแล้วในยามนี้ ใครที่ผลิตวัคซีนรักษาโรคได้ก่อน ชาตินั้นต่างหากที่กำลังจะกุมอำนาจโลกไว้ในมือ เพราะทุกประเทศต่างก็ต้องการวัคซีนมาป้องกัน

ตราบใดที่โควิด-19 ยังคงระบาดอยู่ และยังไม่มีวัคซีนที่เพียงพอในการรักษาอย่างทั่วถึง เศรษฐกิจก็คงไม่ฟื้นตัวกลับมาดีได้ในเร็ววันนี้แน่ เพราะการที่พลเมืองของประเทศที่ถือเป็นฐานกำลังหลักในการผลิตและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยังคงหวาดหวั่นกับโรคระบาด ธุรกิจเดินหน้าต่อไปไม่ได้เพราะขาดเม็ดเงิน สภาวะแบบนี้มีแต่จะส่งผลให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคมมากขึ้น คนรวยจะรวยล้นฟ้า คนจนจะจนแสนสาหัส หากยังไม่มีวิธีการรับมือกับโรคระบาดนี้ เศรษฐกิจโลกจะล่มสลายและต้องใช้เวลาฟื้นตัวอีกนานหลายปี

โควิด-19 ตัวการร้ายทำลายเศรษฐกิจโลกจริงไหม