ปัญหาสงครามการค้า

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาประเทศจีนและสหรัฐอเมริกาเกิดปัญหาขัดแย้งความตึงเครียดทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยเฉพาะสงครามการค้าที่เรียกว่า Trade War ซึ่งตรงกับ สมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกาที่ชนะการเลือกตั้ง ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2016 ที่ผ่านมา

นักธุรกิจทั่วโลกและผู้ที่สนใจข่าวสารทางเศรษฐกิจการเมืองจะสังเกตเห็นได้ว่ามีการประกาศปรับเปลี่ยนมาตรการควบคุมด้านภาษีการค้า เพื่อจำกัดการนำเข้าและการบริโภคสินค้า ระหว่างทั้งสองต่างประเทศมาเป็นระยะ ได้แก่ การที่สหรัฐอเมริกาประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากประเทศ จีน จากเดิมที่มีการเรียกเก็บภาษีในอัตรา 10 เปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าตัว คือเป็น 25% และหลังจากนั้นประเทศจีนก็ได้ตอบโต้ด้วยการขึ้นอัตราภาษีสินค้าที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกาแบบเดียวกัน คือ 25%

นอกจากนี้ ยังเกิดการต่อต้านนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกาอย่างกว้างขวางในประเทศจีน โดยสังเกตได้จากการขึ้นราคาสินค้าให้แพงมากขึ้น สำหรับนักท่องเที่ยวสหรัฐอเมริกา ซึ่งโดยภาพรวมก็ได้ส่งผลกระทบต่อภาวะการท่องเที่ยวและสภาพคล่องของทั้งสองประเทศเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ เรื่องของบริการโทรคมนาคมหรือโทรศัพท์มือถือ Huawei ซึ่งเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศจีน ก็ถูกแบนจากสหรัฐอเมริกาและมีการสร้างกระแสให้ต่อต้านอีกหลายช่องทาง จนทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันทั่วโลก

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ได้ให้ความเห็นว่า การที่ประชาชนชาวสหรัฐอเมริกาเลือกประธานาธิบดีทรัมป์จนชนะการเลือกตั้ง ในปี 2016 ก็เพราะว่าต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นรูปธรรม ซึ่งนโยบายของโดนัลด์ ทรัมป์ที่หาเสียงไว้ คือ วลีที่ว่า America First หรือสหรัฐอเมริกาต้องมาก่อน เนื่องจากช่วงขณะนั้นเป็นจุดวิกฤตทางเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงขาลง ร่วมกับมีการขาดดุลทางการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ขณะเดียวกัน คนสัญชาติอเมริกาก็กำลังว่างงานเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีผู้อพยพมาทำงานแบบผิดกฎหมายจากประเทศใกล้เคียง เช่น เม็กซิโก ซึ่งคนกลุ่มนี้มีความเกี่ยวพันกับปัญหาอาชญากรรมด้วยข่าวสารทางเศรษฐกิจการเมือง

จากที่ทั้งสองประเทศต่างเป็นมหาอำนาจในภูมิภาค การเกิดสงครามการค้าจึงกระทบต่อเศรษฐกิจโลกโดยภาพรวม ซึ่งประเทศไทยเองก็ได้รับผลกระทบด้วย กล่าวคือ นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาประเทศไทยก็มีจำนวนที่น้อยลงอย่างมาก เพราะประชาชนคนจีนกลุ่มที่เคยมีรายได้สูงก็มีรายได้ลดลงและอยู่ในภาวะรัดเข็มขัด ส่วนนักลงทุนไทยที่จะไปทำการสร้างธุรกิจใหม่หรือขยายสาขาไปประเทศจีนก็ต้องชะลอ เพราะไม่สอดคล้องกับนโยบายของประเทศจีนในช่วงขณะนี้ เป็นต้น

การที่ประเทศจีนและสหรัฐอเมริกายังคงอยู่ในภาวะสงครามทางการค้าระหว่างกันอย่างไม่มีแนวโน้มที่จะยุติลงได้ในเวลาอันสั้น ผู้เชี่ยวชาญจึงแนะนำให้นักธุรกิจและนักลงทุนมีความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น และต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ปรับตัวได้สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกให้มากที่สุด

ปัญหาสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนต่อเศรษฐกิจโลก